รีวิวหนัง "Dune: Part 2" ยกระดับขึ้นทุกด้าน! อลังการแล้ว อลังการต่อ อลังการอยู่

 การกลับมาสานต่ออีกครั้งของมหากาพย์ไซไฟเบอร์ใหญ่..เรื่องเดียวในยุคนี้ "Dune: Part 2" ที่นับว่าเป็นการอัปเกรดเวอร์ชันจากภาคแรกได้อย่างมีระดับและนัยยะที่คมคาย ภาคก่อนอาจจะเนิบ ๆ ไปกับการปูเรื่องปูทาง แต่เข้าสู่ภาคล่าสุดนี้มันมาพร้อมกับความอลังการงานสร้างที่น่าตื่นตาตื่นใจ ชนิดที่แทบจะลืมหายใจไปเกือบ 3 ชั่วโมง พวกเขาสามารถตอบโจทย์สิ่งที่คนดูอยากจะเห็นได้สำเร็จ

รีวิวหนัง Dune: Part 2

Dune: Part 2 เป็นการเล่าเรื่องต่อเนื่องกับการเดินทางในตำนานของ พอล อะเทรดีส ในขณะที่เขารวมตัวกับ ชานิ และ เฟรเมนขณะอยู่บนเส้นทางแห่งการแก้แค้นต่อผู้สมรู้ร่วมคิดที่ทำลายครอบครัวของเขา เมื่อต้องเผชิญกับทางเลือกระหว่างความรักในชีวิตของเขากับชะตากรรมของจักรวาลที่เขารู้จัก เขาพยายามที่จะป้องกันอนาคตอันเลวร้ายที่มีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถคาดเดาได้ ซีรีย์ฝรั่ง

'เข้าใกล้ความสมบูรณ์แบบ' น่าจะเป็นคำที่ใช้กับหนังเรื่องนี้เลยก็ว่าได้ แนวคิดและแนวทางการสร้างสรรค์ของผู้กำกับ "เดอนี วีลเนิฟว์" ยังบรรเจิดเพลินจิตอย่างมีคลาส ถ้าหากว่าคุณเคยตื่นตะลึงกับงานสร้างและการดีไซน์โลกแห่งทรายจากใน Dune ภาคแรกมาแล้ว Dune ภาคนี้ก็ยิ่งจะชวนให้คุณหลงใหลมากขึ้นไปอีก

รีวิวหนัง Dune: Part 2

แล้ว Dune: Part 2 ก็จัดได้ว่าเป็นหนึ่งในความยอดเยี่ยมในการออกแบบงานสร้างหนังเรื่องหนึ่งแทบจะทุก ๆ ด้าน งานโปรดักชันช่างตระตาและเก็บรายละเอียดได้เกือบจะทุกเม็ดทรายที่ลอยฟุ้งไปทั้งเรื่อง งานถ่ายภาพ การจัดแสง การจัดมุมต่าง ๆ ทำออกมาได้อย่างพิถีพิถัน แทบจะไม่มีคำบรรยายใด ๆ ออกมาเลย

การแต่งกายและการแต่งหน้าในหนังเรื่องนี้ก็ยังเป็นองค์ประกอบที่โดดเด่น และช่วยขับเคลื่อนมนต์ขลังให้กับหนังเรื่องนี้ได้ดีดังเดิม เป็นจุดเล็ก ๆ ที่ช่วยบิ้วท์อารมณ์ของหนังได้เป็นอย่างดี สอดคล้องไปกับอวัจนภาษาที่หนังประดิษฐ์สร้างขึ้นมา ซึ่งทำให้เรายิ่งสัมผัสให้เห็นเด่นชัดขึ้นว่าหนังเรื่องนี้ได้กลิ่นอายและพยายามสดุดีพื้นเพวัฒนธรรมของชาวมุสลิมและตะวันออกกลางอย่างแจ่มแจ้ง ซีรีย์ฝรั่ง

รีวิวหนัง Dune: Part 2

ขณะที่งานประพันธ์ดนตรีประกอบของ "ฮันส์ ซิมเมอร์" ก็ยังตอกย้ำความเป็นมืออาชีพในวงการ เป็นการหยิบเอาซาวน์จากหนังภาคแรกมาร้อยเรียงเชื่อมโยงเข้าสู่ภาคต่อได้อย่างชวนหลงใหล ยิ่งมาอยู่กับฉากในหนังที่มีงานออกแบบเสียงที่แสนจะคมเฉียบ กลายเป็นการสร้างเมโลดีที่จับใจและเป็นบุญทุกโสตประสาทการได้ยินจริง ๆ ซีรีย์ฝรั่ง

Dune: Part 2 ยังอัดแน่นไปด้วยทีมนักแสดงชุดใหญ่ไฟกะพริบเช่นเดิม แต่กลายเป็นว่านักแสดงชุดเดิมก็ยังปัง นักแสดงชุดใหม่ก็เปล่งประกาย "ทิโมธี ชาลาเมต์" สามารถแบกหนังทุนสร้าง 200 ล้านเอาไว้บนบ่าของเขาได้อย่างสบาย ๆ การรับมือในบทบาทนี้ของเขา ทำออกมาได้สมกับเป็นซุปตาร์มืออาชีพ ทุกท่วงท่าและอิริยาบถในการสวมวิญญาณเป็นพอล เป็นเสาหลักทรงเสน่ห์ให้กับหนัง

รีวิวหนัง Dune: Part 2

เช่นเดียวกับ "เซนเดยา" ที่ภาคนี้เธอคือความงดงามที่เท่จริง ๆ ครั้งนี้ตัวละครของเธอมีพัฒนาการและมีมิติเพิ่มขึ้นเยอะจากเดิม และความเป็นมืออาชีพของเธอก็ขับเสน่ห์ในตัวละครนี้ออกมาได้อย่างชวนมอง รวมทั้ง "รีเบคกา เฟอร์กูสัน" ที่กลายเป็นตัวละครที่น่าจับตามองและน่าหลงใหลไม่น้อย ที่มาพร้อมกับการแสดงผ่านท่วงทาต่าง ๆ และด้วยสายตา

ส่วนที่เสริมเข้ามาใหม่ อย่าง "ฟลอเรนซ์ พิว" ที่แม้จะเพิ่งถูกแนะนำในภาคนี้ แต่ก็สัมผัสได้ว่าเธอจะเป็นหนึ่งในตัวละครที่สำคัญในลำดับต่อไป การแสดงของเธอถือว่าน่าประทับใจ แม้ว่ามิติจะยังมีไม่เท่าไหร่นัก แต่อีกคนที่ปังและตึงสุด ๆ ก็คือ "ออสติน บัตเลอร์" ที่ขโมยซีนได้อย่างคมคาย กล้องรักเขา และการแสดงของเขาก็ทำออกมาได้ถึงกึ๋น จนแทบไม่เชื่อว่านี่คือนักแสดงชายที่เพิ่งเข้าวงการมาหมาด ๆ

รีวิวหนัง Dune: Part 2

โดยภาพรวมแล้ว Dune: Part 2 คือมหากาพย์หนังไซไฟอันทรงคุณค่า ที่เกือบจะสมบูรณ์แบบในทุก ๆ ด้าน งานสร้างดีจนแทบไม่อยากจะกะพริบตา ทีมนักแสดงชุดใหญ่ที่ถ่ายทอดออกมาได้ดีแบบยกทีม แล้วจังหวะการเล่าเรื่องและทิศทางของเรื่องก็ถูกยกระดับความสนุกขึ้นอีกเป็นกอง เป็นการเติมเต็มสิ่งที่หนังภาคแรกขาดหายไป

สิ่งที่ผู้ชมหลายคนกังวลว่า Dune: Part 2 ก็ซ้ำรอยเดิมแบบภาคแรกหรือไม่ คงจะต้องบอกเลยว่าภาคนี้เป็นการปล่อยของแบบชุดใหญ่ โดยเฉพาะการใส่ฉากแอคชันจังหวะดี ๆ เพิ่มขึ้นมาจากเดิมประมาณ 200% เลยก็ว่าได้ และฉากบู๊ในภาคนี้โดดเด่นและดีงามในทุก ๆ รายละเอียด เป็นการตอบโจทย์คนดูได้อย่างเต็มพลัง และนี่แหละเป็นสิ่งที่เราและคนอื่น ๆ อยากจะได้เห็นในหนังเรื่องนี้ ซึ่งจัดได้ว่า..ปังจริง!

รีวิวหนัง Dune: Part 2

Comments

Popular posts from this blog

รีวิวหนัง "Hopeless คน จน ตรอก" เชิญดื่มด่ำอรรถรสความสิ้นหวังใน 2 ชั่วโมง

รีวิวหนัง "อมตะพันธุ์สยอง Immortal Species" ต้องขยี้ตาดูตลอด นี่หนังปี 2566 ใช่ปะ?

รีวิวหนัง "Miller's Girl หลักสูตรร้อนซ่อนรัก" ยั่ว ๆ บด ๆ กระตุ้นความหงิว ด้วยภาษาวรรณกรรม